ใช้ "ฐานรากแผ่" ได้ไหม? 3 คำถามที่วิศวกรใช้ประเมินหน้างานจริง
- Kallaya Tanthawoo
- 11 ต.ค.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 7 วันที่ผ่านมา
"ต้องตอกเสาเข็มไหม?"
"ถ้าไม่ตอกจะแข็งแรงพอหรือเปล่า?"
"ไม่ตอกเข็มประหยัดงบได้จริงไหม?"
นี่คือหนึ่งในคำถามสำคัญที่สุดที่เจ้าของโครงการและสถาปนิกต้องตัดสินใจร่วมกันตั้งแต่เริ่มต้น เพราะฐานรากคือหัวใจของความมั่นคงทั้งอาคาร การตัดสินใจเรื่องนี้ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ต้องมาจากการประเมินหน้างานอย่างละเอียดตามหลักวิศวกรรม
สวัสดีครับ กลับมาพบกับ Engineer Story โดย ชัยเสรีบิลเดอร์ วันนี้เราจะไม่ได้มาลงทฤษฎีที่ซับซ้อน แต่จะถอดบทเรียนจากหน้างานก่อสร้างร้านกาแฟจริง มาเป็น 3 คำถามหลักที่ทีมวิศวกรของเราใช้ประเมิน เพื่อตอบคำถามสำคัญที่ว่า...โครงการของคุณ "ใช้ฐานรากแผ่ได้ไหม?"
คำถามที่ 1: สภาพดินของคุณ "แข็งแรงพอ"ที่จะทำฐานรากแผ่ หรือไม่?
นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดและเป็นด่านแรกของการตัดสินใจ ฐานรากแผ่ (Spread Footing) คือฐานรากที่ถ่ายน้ำหนักของอาคารลงสู่ดินโดยตรงโดยไม่มีเสาเข็ม ดังนั้น ดินในบริเวณนั้นจึงต้องทำหน้าที่เป็น "เสาเข็มธรรมชาติ" ที่แข็งแรงพอ
ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ ข้อมูลดิน หากไม่มีข้อมูลดินในพื้นที่เลย ให้เจาะสำรวจดิน ค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000-20,000 บาท/หลุม หรือสอบถามจากกองช่าง อบต. หรือเทศบาลในพื้นที่ก็ได้
บังเอิญหน้างานที่ก่อสร้างอยู่อ.เมืองชลบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ที่เราเคยเจาะสำรวจดินเอาไว้ ประมาณ 2 กม. ดังนั้น จึงนำผลสำรวจดินมาใช้วิเคราะห์ในการตัดสินใจ

จากผลสำรวจดิน จะเห็นว่ามีการแนะนำให้ใช้ฐานรากแผ่ ขนาด 1x1 ม. สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 25 ตัน/ ตร.ม. เพียงขุดลึกแค่ 1 ม.
การประเมินจากหน้างานจริง:
"หน้างานนี้ เป็นร้านกาแฟ ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เราลองขุดดูแล้วพบว่า ลักษณะดินมันก็จะเป็นพวกดินลูกรัง...ดินเหนียวแข็งพอสมควร ซึ่งเป็นดินที่ถมทิ้งไว้นานเกิน 10 ปีแล้ว ถือว่าเป็นดินเดิมที่แน่นตัวแล้ว สำหรับโครงสร้างที่เป็นแบบชั้นเดียว ฐานรากแผ่ก็เพียงพอแล้ว"

สิ่งที่คุณควรพิจารณา:
ดินเดิมหรือดินถมใหม่?: ดินเดิมที่แน่นตัวมานานหลายปีย่อมดีกว่าดินที่เพิ่งถมใหม่ซึ่งยังมีการทรุดตัวอยู่
ลักษณะดินที่เห็น: โดยทั่วไป ดินเหนียวแข็ง ดินดาน หรือดินลูกรัง มักจะมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ดีกว่าดินทรายร่วน หรือดินเลนในพื้นที่ลุ่ม
ข้อมูลในพื้นที่: ลองสอบถามเพื่อนบ้านหรือผู้รับเหมาในพื้นที่ว่าโดยปกติแล้วอาคารลักษณะเดียวกันในย่านนี้ใช้ฐานรากประเภทไหน นี่เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ดีมากครับ
คำถามที่ 2: โครงสร้างอาคารของคุณ "เป็นแบบไหน"?
น้ำหนักของอาคารและลักษณะการใช้งาน เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะบอกว่าฐานรากแผ่จะ "เอาอยู่" หรือไม่
การประเมินจากหน้างานจริง:
"ที่นี่เป็นร้านกาแฟ โครงสร้างมันไม่ใช่เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่น้ำหนักไม่มาก...และอีกอย่างคือเป็นลักษณะการเช่าระยะยาว มุมมองจะเป็นโครงสร้างกึ่งชั่วคราวกึ่งถาวร ซึ่งออกแบบให้พอรับน้ำหนักได้ในระยะเวลานั้นๆ ก็เพียงพอ"

สิ่งที่คุณควรพิจารณา:
น้ำหนักอาคาร:
เหมาะกับฐานรากแผ่: บ้านชั้นเดียว, ร้านค้าขนาดเล็ก, อาคารโครงสร้างเหล็ก, ส่วนต่อเติมขนาดเล็ก
ควรพิจารณาเสาเข็ม: อาคาร 2 ชั้นขึ้นไป, โครงสร้างคอนกรีตที่มีน้ำหนักมาก, อาคารที่ต้องการความทนทานสูงในระยะยาวมากๆ
อายุการใช้งานที่คาดหวัง: หากเป็นอาคารที่ต้องการความคงทนถาวรระดับ 50-100 ปี การลงทุนกับฐานรากเสาเข็มอาจให้ความมั่นคงและสบายใจมากกว่า แต่หากเป็นอาคารพาณิชย์บนที่ดินเช่า การออกแบบให้เหมาะสมกับอายุสัญญาก็เป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล
คำถามที่ 3: คุณยอมรับ "ความรู้สึก" ที่แตกต่างได้หรือไม่?
ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่หลายคนอาจมองข้าม แต่มีผลต่อความรู้สึกในการอยู่อาศัยโดยตรง ฐานรากสองประเภทให้ "ฟีลลิ่ง" ของบ้านที่แตกต่างกัน
การประเมินจากหน้างานจริง:
"ฐานรากแผ่จะอยู่บนชั้นดินที่ตื้น...บางทีเราจะรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือน เช่น เวลาบ้านอยู่ใกล้ถนนแล้วมีรถบรรทุกวิ่งผ่าน...แต่ว่ามันไม่ได้มีความอันตรายนะ มันแค่รู้สึกได้...ในขณะที่ถ้าเป็นเสาเข็ม ตัวอาคารจะถ่ายน้ำหนักลงไปที่ดินชั้นล่างที่ลึก การรับรู้แรงสั่นสะเทือนจะน้อยกว่า ก็จะรู้สึกสบายใจกว่า"
สิ่งที่คุณควรพิจารณา: นี่คือการชั่งน้ำหนักระหว่าง "งบประมาณ" กับ "ความสบายใจ"
หากที่ตั้งโครงการของคุณอยู่ใกล้ถนนใหญ่ หรือพื้นที่ที่มีกิจกรรมทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนบ่อยครั้ง และคุณเป็นคนที่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึกเหล่านี้ การลงทุนเพิ่มเพื่อใช้ฐานรากเสาเข็มอาจคุ้มค่ากว่า
แต่หากโครงการอยู่ในพื้นที่เงียบสงบ หรือคุณยอมรับเรื่องแรงสั่นสะเทือนเล็กๆ น้อยๆ ได้ การเลือกใช้ฐานรากแผ่เพื่อประหยัดงบประมาณก็เป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยเช่นกัน
สำหรับภาพที่เป็น 2 ชั้นนี้จะใช้เทคนิค ฐานรากแบบมีคานยึดรั้ง (Strap Footing) ทางออกของการสร้างบ้านชิดเขตที่ดิน ซึ่งเป็นฐานรากแบบที่ไม่มีเสาเข็มเหมือนกัน สามารถเข้าไปดูเทคนิคเพิ่มเติมได้ตามลิ้ง
ถ้าคำตอบคือ "ใช่"...ต้องรู้อะไรต่อ?
หากโครงการของคุณผ่านการพิจารณาทั้ง 3 ข้อแล้ว นี่คือข้อกำหนดพื้นฐาน 2 ข้อที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งคุณต้องรู้เพื่อใช้ตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมา
ความลึก: ต้องขุดลึกลงไปจาก "ระดับดินเดิม" ไม่น้อยกว่า 1 เมตรเสมอ ย้ำว่าต้องวัดจากดินเดิม ไม่ใช่ดินที่เพิ่งถมใหม่ครับ!
ความหนา: ตัวฐานรากต้องมีความหนา ไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร เพื่อความแข็งแรงตามมาตรฐาน

จากแบบขยายฐานราก F1 นี้ เราสามารถอ่านค่าที่สำคัญได้ดังนี้:
ขนาดและมิติ (Dimension): ฐานรากมีขนาดกว้างxยาว เท่ากับ 1.0 x 1.0 เมตร และมีความหนาของตัวฐาน 25 เซนติเมตร
ความลึก (Depth): กำหนดให้ท้องฐานราก (ส่วนล่างสุด) อยู่ที่ความลึก 1.0 เมตรจากระดับดินเดิม ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดพื้นฐานเพื่อความปลอดภัย
รายละเอียดเหล็กเสริม (Reinforcement): แสดงขนาด (DB12) และจำนวน (10 เส้นต่อทิศทาง) ของเหล็กตะแกรง รวมถึงเหล็กรัดรอบ (Stirrup) เพื่อให้ฐานรากมีความสามารถในการรับแรงดึงและแรงเฉือนได้ตามที่คำนวณไว้
การเตรียมพื้น (Subbase): ระบุให้มีชั้นทรายหยาบบดอัดหนา 10 ซม. และเทคอนกรีตหยาบ (Lean Concrete) หนา 5 ซม. ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมพื้นผิวก่อนเทคอนกรีตโครงสร้าง เพื่อป้องกันความชื้นและทำให้ทำงานได้สะดวกขึ้น
การตัดสินใจเลือกใช้ฐานรากแผ่ ไม่ใช่แค่เรื่องของการประหยัด แต่เป็นผลลัพธ์ของการประเมินอย่างรอบด้าน หากคุณยังไม่แน่ใจว่าที่ดินและรูปแบบโครงการของคุณเหมาะกับฐานรากประเภทไหน การปรึกษาวิศวกรผู้มีประสบการณ์คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด
วิศวกรสอน 4 จุดต้องเช็ค "ตรวจงานฐานรากแผ่" ก่อนเทคอนกรีต เลือกฐานรากแบบไหนดี? วิศวกรตอบ 6 ข้อข้องใจ ฐานรากแผ่ vs. เสาเข็ม
ทีมงาน ชัยเสรีบิลเดอร์ ยินดีให้คำปรึกษาเบื้องต้นสำหรับโครงการของคุณในเขตฉะเชิงเทราและพื้นที่ใกล้เคียง ติดต่อเราเพื่อพูดคุยรายละเอียดและประเมินหน้างานจริงได้เลยครับ
สามารถดูหน้างานการทำงานจริง เป็นงานสร้างร้านกาแฟขนาดเล็ก อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรีได้ที่ลิ้ง





ความคิดเห็น